วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

internet ดินแดนต้องห้ามของเรื่องส่วนตัว

หลักการใช้งาน Internet Explorer สำหรับท่องเน็ตเบื้องต้น ที่ควรจะทราบไว้

IE หรือ Internet Explorer เป็นซอฟต์แวร์ สำหรับใช้งานระบบอินเตอร์เน็ต หรือมักจะนิยมเรียกว่า Browser ที่มีแถมมากับ Windows98 ทุกรุ่น โดยที่หากเป็น Windows98 Thai ก็จะมี IE4.0 แถมมาด้วย หากเป็น Windows98 SE ก็จะเป็น IE5.0 และถ้าเป็น WindowsMe ก็จะมี IE5.5 แถมมาให้ ดังนั้น หากคิดจะเล่นอินเตอร์เน็ตด้วย IE แล้วละก็ มาดูเทคนิค พื้นฐานเบื้องต้น ที่ควรจะรู้ไว้ ในการใช้ IE ให้เต็มความสามารถกันดีกว่าครับ

เมนู ปุ่ม และคำสั่งในเบื้องต้น

การใช้งาน IE ในเบื้องต้นก็คงจะไม่มีอะไรมากนัก คิดว่าหลาย ๆ คนคงจะพอรู้กันอยู่บ้างแล้ว เอาเป็นว่าผมจะทบทวนหลัก ๆ อีกครั้ง จากหน้าตาของ IE ที่คุ้นเคยกันดังนี้

มาดูหน้าที่ของปุ่มต่าง ๆ กันเลย

ปุ่ม Back ใช้สำหรับย้อนกลับไปหน้าที่ผ่านมาแล้ว

ปุ่ม Forward ใช้สำหรับเปลี่ยนไปหน้าต่อไป (หลังจากที่ย้อนกลับมา)

ปุ่ม Stop ใช้สำหรับหยุดการโหลดข้อมูลในหน้าเว็บเพจนั้น

ปุ่ม Refresh ใช้สำหรับการเรียกโหลดข้อมูลหน้าเว็บเพจใหม่อีกครั้ง

ปุ่ม Home ใช้สำหรับกลับไปหน้าแรกหรือกลับไปที่ URL ที่ตั้งไว้ให้เป็นหน้าแรก

ปุ่ม Search ใช้สำหรับค้นหาเว็บไซต์

ปุ่ม Favorites ใช้สำหรับเลือกเว็บไซต์จาก Favorites หรือ Book Mark

ปุ่ม History ใช้สำหรับการย้อนกลับไปดูเว็บไซต์ที่เคยเข้าไปดูมาแล้ว

ปุ่ม Mail ใช้สำหรับการ รับ-ส่ง อีเมล์

ปุ่ม Print ใช้สำหรับการพิมพ์หน้าเว็บออกเครื่องพิมพ์

ปุ่ม Edit ใช้สำหรับการแก้ไขหน้าเว็บเพจนั้น ๆ

การใช้งาน IE แบบ Offline

การใช้งานแบบ Offline ก็คือการที่เราทำการเก็บข้อมูลของหน้าเว็บเพจ ที่ได้เคยเข้าไปเยี่ยมชมแล้ว และทำการเรียกมาดูใหม่อีกครั้ง โดยที่ไม่ต้องทำการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตใหม่ ซึ่งสามารถทำได้ 3 รูปแบบดังนี้

1. การใช้เมนู File >> Work Offline โดยการเลือกที่ Work Offline หรือเป็นการทำงานในแบบ Offline นั่นเอง เมื่อเลือกที่เมนูนี้แล้ว จะทำให้เราสามารถเรียกดูข้อมูลของเว็บที่ได้เคยแวะเข้าไปเยี่ยมชมและยังมีเก็บอยู่ใน Temporary File ขึ้นมาดูได้ โดยวิธีนี้อาจจะไม่สามารถรับประกันได้ว่า เว็บเพจที่เคยเข้าไปดูนั้น จะยังอยู่ครบหรือไม่นะครับ เพราะขนาดที่จำกัดของ พื้นที่ของ Temporary File นั่นเอง

2. การใช้เมนู File >> Save as หน้าเว็บเพจ ที่ต้องการเก็บไว้ วิธีนี้จะเป็นการเก็บข้อมูลทั้งหน้าลงใน ฮาร์ดดิสก์ ทำให้เก็บข้อมูลของหน้าเว็บเพจ ไว้ได้ตลอดไป เมื่อต้องการเรียกดูใหม่ก็เลือกเปิดที่ ชื่อไฟล์ที่เราเก็บไว้ได้เลย

3. การใช้เมนู Favorites >> Add Favorite ที่จริงแล้วเป็นการเก็บเฉพาะลิงค์ ของหน้าเว็บที่ต้องการไว้ แต่ถ้าหากเลือกที่ช่อง Make available offline ไว้ด้วย จะเป็นการสั่งให้ IE ทำการเก็บข้อมูลของหน้าเว็บนั้นแบบ Offline ได้ด้วย หากต้องการเรียกดูเมื่อไร ก็สามารถทำได้มันมี นอกจากนี้ยังสามารถสั่งให้ IE ทีการเช็คและอัพเดทข้อมูลของ Favorite ที่ตั้ง Offline นี้ไว้ได้โดยการเลือกที่เมนู Tools >> Synchronize ได้ด้วยครับ

การกำหนด Text Size และ Encode ของตัวอักษร

จากเมนู View จะมีให้เลือก Text Size และ Encoding ซึ่งเป็นการกำหนดขนาดของตัวอักษรและการเข้ารหัสภาษา ที่แสดงในแต่ละหน้าของเว็บเพจ ซึ่งในบางครั้ง เราสามารถทำการปรับแต่งขนาด และการกำหนดภาษานี้ได้ หากเข้าไปในเว็บบางที่ แล้วไม่สามารถอ่านภาษาไทยได้ ก็ลองเปลี่ยน Encoding ช่องนี้ให้เป็น Thai ดูนะครับ

การเก็บลิงค์ของเว็บที่ชอบไว้ใน Favorites

ขณะที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตไปเรื่อย ๆ หากพบเว็บไซต์ที่ถูกใจ ต้องการเก็บลิงค์ของหน้าเว็บนั้นไว้ ก็สามารถทำได้โดยการเลือกที่เมนู Favorites และ Add Favorite จะทำให้ชื่อเว็บไซต์นั้น บันทึกอยู่ในเมนูของ Favorite ได้ วิธีนี้อาจจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การทำ Book Mark นั่นเอง โดยที่ใน Favorite ก็ยังสามารถสร้าง Folder ต่าง ๆ เพื่อแยกเก็บลิงค์ ของเว็บไซต์แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ได้ด้วย

การตั้งค่าของ Internet Options

เมนูหลัก ที่ใช้งานบ่อย ๆ และควรจะทราบไว้คือ Tools และเลือก Internet Options ซึ่งจะเป็นการตั้งค่าต่าง ๆ ของ Internet Explorer ให้เหมาะกับการใช้งานของเรา มาดูหลัก ๆ ที่ควรทราบและตั้งให้เหมาะสมกัน

หัวข้อ General

Home Page คือการตั้งหน้าเว็บเพจเริ่มต้น เมื่อเปิดโปรแกรม IE โดยอาจจะเลือกที่ปุ่มด้านล่างก็ได้
Use Current คือการตั้งหน้าเว็บเพจปัจจุบัน ให้เป็นหน้าแรก
Use Default คือการตั้งเป็นค่าเดิมของ Microsoft.com
Use Blank คือการตั้งหน้าแรกเป็นหน้าว่างเปล่า

Temporary Internet Files เป็นการกำหนดขนาดและที่อยู่ของ Temporary File สำหรับการดูแบบ Offline

History คือการกำหนด History ของเว็บเพจที่เคยเยี่ยมชมแล้ว ว่าจะเก็บไว้กี่วันหรือจะ Clear ทิ้ง

Colors เป็นการกำหนดสีต่าง ๆ ของการใช้งาน IE

Fonts เป็นการกำหนด Fonts ต่าง ๆ (แนะนำให้ตั้งเป็น Microsoft Sans Serif นะครับ)

Languages เป็นการกำหนดภาษาของ IE

Accessibility เป็นการกำหนดค่าต่าง ๆ ของ IE

หัวข้อ Security

จะเป็นการกำหนดระดับของการรักษาความปลอดภัย ในการใช้งานอินเตอร์เน็ต ก็ปรับไปที่ Default Level ทั้งหมดครับ

หัวข้อ Content

หลัก ๆ ที่ใช้งานคือช่อง AutoComplete... ครับ ใช้สำหรับการลบตัวอักษรที่จะจำอยู่ในแบบฟอร์ม เช่นอีเมล์ หรือรหัสผ่านต่าง ๆ ที่เคยเก็บไว้ ส่วนอันอื่นก็คงจะไม่ได้ใช้งานเท่าไรครับ

หัวข้อ Connections

จะเป็นรายละเอียดต่าง ๆ ของการเชื่อมต่อโมเด็ม ซึ่งเราสามารถทำการปรับแต่งค่าต่าง ๆ เช่นการตั้ง username และ password การเลือก Default Connection การลบ หรือเพิ่ม Connection ในนี้ได้

หัวข้อ Program

จะเป็นในส่วนของการเลือกโปรแกรม หรือซอฟต์แวร์สำหรับใช้งานต่าง ๆ เช่นเลือกโปรแกรมสำหรับ รับ-ส่งอีเมล์ เลือกโปรแกรมสำหรับการแก้ไขเว็บเพจ และอื่น ๆ เป็นต้น

หัวข้อ Advanced

จะเป็นการตั้งค่าอื่น ๆ ต่าง ๆ ซึ่งโดยทั่วไปก็คงจะไม่จำเป็นต้องตั้งในส่วนนี้ครับ หากต้องการก็ลองอ่านรายละเอียดกันดู

เทคนิคการใช้งาน IE ที่ควรทราบ

1. การกดปุ่ม เมาส์ขวา เพื่อเรียกเมนูใช้งานอย่างรวดเร็วได้ เช่นการเก็บรูปภาพ การเปิดหน้าต่างใหม่ หรืออื่น ๆ

2. การกดปุ่ม Shift ค้างไว้ก่อนใช้เมาส์กดลิงค์ จะเป็นการบังคับให้เปิดลิงค์ในหน้าต่างใหม่ไปในตัว

3. การกดปุ่ม Shift ค้างไว้พร้อมกับการกดที่ปุ่ม Refresh จะเป็นการเรียกข้อมูลโดยตรงไม่เรียกจาก Proxy Server

4. การกดปุ่ม ALT + ปุ่มลูกศร ซ้าย หรือ ขวา จะเป็นการเรียกใช้เมนู Back หรือ Forward ได้เช่นกัน

5. การกดปุ่ม Ctrl + N เป็นการเปิดหน้าต่างใหม่เพิ่มขึ้นมา

6. หากพบภาพที่ถูกใจ สามารถตั้งให้เป็น Wall Paper ได้ทันทีโดยกดปุ่มเมาส์ขวา เลือกที่ Set as wallpaper

7. เราสามารถส่งหน้าเว็บเพจที่กำลังดูผ่านทางอีเมล์ ได้โดยการเลือกที่ File >> Send โดยจะส่งเป็นลิงค์หรือทั้งหน้าก็ได้

8. ก่อนการพิมพ์หน้าเว็บออกเครื่องพิมพ์ ควรจะเลือกที่ Print Preview เพื่อดูรูปแบบต่าง ๆ เสียก่อน

9. การค้นหาข้อความในหน้าเว็บเพจ สามารถใช้เมนู Edit และ Find (on This Page) หรือกด Ctrl + F ได้

10. การกำหนดขนาดของหน้าต่างที่เปิดใหม่ ทำโดยขยายขนาดของหน้าต่างที่เพิ่งเปิด ให้มีขนาดตามต้องการและกดปิด

11. ควรจะทำการอัพเกรด IE ให้เป็นเวอร์ชัน 5.50 built 4134.0600 หรือสูงกว่านี้เพื่อการใช้งานที่เสถียรขึ้น (มาก ๆ) ครับ

ก็หวังว่าจะช่วยให้คุณ ๆ ทั้งหลายได้รู้จักและใช้งาน Internet Explorer ได้มากขึ้นนะครับ อาจจะไม่มีรายละเอียดมากนัก หลาย ๆ ส่วนก็คงจะต้องให้คุณ ทำการทดลองปรับแต่งกันดูเอง แล้วจะเข้าใจมากกว่าที่ผมได้อธิบายมาในนี้ครับ

มาดูกันว่า Internet Explorer 5.5 SP1 หรือรุ่นใหม่กว่านี้ขึ้นไป มีดีอะไร

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Microsoft ได้ออกโปรแกรม Browser ยอดนิยม Version ใหม่ออกมาคือ Internet Explorer Version 5.50.4134.0600 (ขอเรียกสั้น ๆ ว่า IE5.5) และต่อมา ก็ได้มีการออกรุ่น IE5.5 SP1 และ IE5.5 SP2 ตามลำดับ ซึ่งเท่าที่ทราบมา IE5.5 รุ่นที่เป็น Beta ได้ออกมาให้ทดลองใช้งานกัน นานพอสมควรแล้ว (การดูรุ่น ให้สังเกตุจาก version ของรุ่นและตัวเลขที่ต่อท้าย โดยการเลือกที่ Help และ About Internet Explorer ซึ่งจะไม่เหมือนกันนะ) แต่ปัญหาต่าง ๆ ก็ยังพอมีอยู่บ้าง ทำให้ผมเองก็ยังไม่เคยคิดที่จะทดลองหาดาวน์โหลด มาใช้งาน จนเมื่อได้ยินว่ามี IE5.5 รุ่นนี้ที่คิดว่าน่าจะเป็นรุ่นที่ปรับปรุงแก้ไข จุดบกพร่องต่าง ๆ ไปได้มากแล้ว และประกอบกับผมเองมีปัญหากับเจ้าตัว IE5.0 ที่ติดมากับ Windows เดิม ๆ อยู่มาก คือเมื่อใช้งานไปนาน ๆ จะเกิดอาการไม่ค่อยดีหรือที่เรียกกันว่า resource หมด (ปัญหาหลักของ IE ครับ) ต้องทำการบูทเครื่องใหม่ซะทีจึงจะเล่นได้ต่อ เขาบอกว่าถ้าเป็น IE5.5 จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ก็เลยลองหามาใช้ดูกับเขาดูบ้าง ได้ผลที่น่าพอใจ จึงนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

เริ่มต้นจากหาดาวน์โหลดเจ้า IE5.5 มาก่อน โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ที่ http://www.microsoft.com/windows/ie/ เลือกที่ Download Now เพื่อทำการดาวน์โหลดตัวติดตั้งของ IE5.5 มาเก็บไว้ที่เครื่องก่อน ซึ่งจะเป็นแค่ตัวติดตั้งเท่านั้น ขนาดไม่ใหญ่มากโดยเมื่อติดตั้งจริง ๆ จะต้องมีการดาวน์โหลด มาอีกครั้งขนาดทั้งหมด ก็แล้วแต่ option ที่จะเลือกตั้งแต่ประมาณ 10 M. ไปจนถึง 70 M. กว่า ๆ ทีเดียว เมื่อได้ตัวติดตั้งมาเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มต้นการติดตั้ง โดยวิธีการคือ ทำการต่ออินเตอร์เน็ตค้างไว้ แล้วเรียกไฟล์ติดตั้ง ie5setup.exe จากนั้นก็ทำการเลือก Option ต่าง ๆ ที่ต้องการแล้วก็ทำตามขั้นตอนไปเรื่อย ๆ (ผมเลือกแบบ Full ไปเลย) ช่วงนี้ จะมีการดาวน์โหลดข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตอยู่ค่อนข้างนานมาก คืออย่างที่บอก ประมาณ 27 M. ใช้เวลาอยู่เกือบ 4 ชม.จึงจะเสร็จ ถ้าหากเน็ตของใครที่เร็ว ๆ อาจจะได้เร็วกว่านี้ รอจนกว่าจะทำการดาวน์โหลดมาเสร็จและทำการติดตั้งโดยอัตโนมัติ จนเสร็จเรียบร้อยก็บูทเครื่องใหม่ windows จะทำการ update อีกครั้งก็พร้อมใช้งานได้แล้ว (ขั้นตอนต่าง ๆ จะเหมือนกับ การติดตั้ง IE5.0 ทุกอย่าง) สำหรับใครที่ต้องการเก็บไฟล์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการติดตั้งไว้ เพื่อใช้สำหรับ การติดตั้งในครั้งต่อไป จะได้ไม่ต้องทำการดาวน์โหลดมาใหม่ ก็สามารถเข้าไป copy จากโฟลเดอร์ของ Windows Update ในไดรฟ์ C: เก็บไว้ได้เลย

หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มาดูสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปกันบ้าง เรียก Internet Explorer ขึ้นมาปุ๊บ หน้าต่างของ Dial-Up Networking ที่ใช้สำหรับต่อโมเด็มก็โผล่ขึ้นมาก่อน เอ หน้าตาคล้าย ๆ กับจะเหมือนเดิมแฮะ แต่พอมีการต่อโมเด็มจริง ๆ รู้สึกว่ามันแปลก ๆ ไปนิดนึง คือจะมีตัวเลขของเลขหมาย ISP ที่กำลังเรียกอยู่ขณะนั้นแสดงด้วย ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็กน้อย รอสักพักนึง เพื่อเข้าสู่ อินเตอร์เน็ต หน้าตาที่แปลกไปนิดนึงก็คือ แถบเมนูบาร์ ด้านบนจะมีปุ่มของ Messenger เพิ่มเติมขึ้นมาด้วย เข้าใจว่าใช้สำหรับการแจ้งหรือการบอกข้อมูลเมื่อมีเมล์ถึงเรา อะไรทำนองนี้แหละ แต่ก็ยังไม่ได้สนใจ ขอผ่านไปก่อน ลองใช้เมาส์กดไปเรื่อย ๆ ดีกว่า รู้สึกว่า เครื่องโดยรวมจะช้าลงไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่มากนัก พอจะรับได้ เปิดโน่น ปิดนี่ ลองเล่นไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกว่า ดีเหมือนกัน ยังไม่พบปัญหาอะไรมากวนใจ ทุกอย่างดูเหมือนจะทำงานด้วยดี มาดูหน้าตาของเจ้า IE5.5 ตัวนี้กัน

หน้าตาส่วนใหญ่ก็จะเหมือนเดิม แต่มี Messenger โผล่มาเพิ่มเติมหน่อยนึงเอง

ดูกันตรง Version 5.50.4134.0600 นะครับ นี่แหละ IE ตัวที่น่าใช้ที่สุด

นึกขึ้นมาได้ ปัญหาหลักของ IE5.0 ตัวเดิมที่ใช้อยู่แต่ก่อนหน้านี้ เมื่อเปิดหน้าใหม่ไปนาน ๆ หรือเมื่อมีการพิมพ์ข้อความต่าง ๆ ตามเว็บบอร์ดมาก ๆ แล้วจะมีอาการเดี้ยง หรือที่เรียกกันว่า Resource หมด ว่าแล้วก็ลองกันเลย เข้าเว็บขาประจำที่เป็นเว็บบอร์ด ทดลองพิมพ์ภาษาไทยแบบไม่ยั้งเลยครับ เคาะไปเรื่อยเปื่อย จนคิดว่ามากพอแล้ว เรียกได้ว่าถ้าเป็นของเดิมเนี่ย เสร็จไปแล้ว ลองดูค่า System Resource ซะหน่อยว่าเป็นไงกันบ้าง (วิธีดูก็เรียก windows explorer แล้วเลือกที่ Help และ About Windows) อืมมม.. ปกติดีครับ แก้ไขปัญหาการกิน Resource ได้จริง ๆ เอาหละทีนี้ไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว นับว่าเป็นข้อดี อีกข้อหนึ่ง

เล่นไป เล่นมาอีกสักพัก นึกขึ้นมาได้ ลองเช็คเมล์ดูซะหน่อย ว่าแล้วก็กดที่ Mail ทันที ทุกอย่างดูเหมือนเดิมครับ แต่เอ๊ะ อะไรน่ะ เห็นแล้วต้องหัวเราะก๊ากออกมาก่อน ก็เพราะว่าเจ้า mail account ของ hotmail นี่นะสิ เวลาที่กดเลือกไปแล้ว จะมีการแสดงแถบแบนเนอร์ ที่ด้านล่างสุดของหน้าจอแถมมาด้วย เพิ่งจะเคยเห็นครับ นึกอยู่ในใจเล่นกันอย่างนี้เลยนะ เรื่องนี้ทำให้นึกถึงสมัยที่มีการออก IE5.0 มาใหม่ ๆ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สามารถใช้ Outlook Express กับอีเมล์ของ hotmail ได้ตอนนั้นก็ได้ยินหลาย ๆ คนพูดกันอยู่บ้าง ว่าถ้าใช้ Outlook กับ hotmail ได้แบบนี้ hotmail จะได้อะไรจากการเปิดบริการ ฟรีอีเมล์ล่ะ เพราะว่าหากเปิดเมล์ด้วย Outlook ก็จะไม่มีแบนเนอร์ต่าง ๆ มาแสดง ซึ่งน่าจะเรียกว่าเป็นรายได้หลักของ hotmail เขาก็ว่าได้ วันนี้มาเจอกับมุขของ Outlook 5.5 แบบนี้ บอกตรง ๆ ว่าสะอึกไปเลยครับ แต่ก็ OK. ยอม ๆ เขาไปนะ ลองดูจากรูปเอาเองก็แล้วกันนะ

ข้อแตกต่างอย่างอื่น เท่าที่ทดลองเล่นมาดูสักพักหนึ่ง ก็ยังไม่เห็นอะไรเด่นชัดมากนัก เข้าใจว่ามีการปรับปรุงอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง แต่เพราะว่าเวลาที่ได้ทดลองเล่นดูอาจจะยังน้อยไป เลยไม่ค่อยเห็นอะไร โดยรวมแล้วขอสรุปว่า หากคุณมีชั่วโมงอินเตอร์เน็ตเหลือ หรือมีแบบฟรี ๆ ก็ลองหาดาวน์โหลดมาใช้กับ คุ้มครับกับเวลาที่เสียไปแลกกับการเล่นอินเตอร์เน็ตที่เสถียรมากขึ้น

สรุปข้อแตกต่างที่เห็นชัดเจนระหว่าง IE5.0 กับ IE5.5 อีกครั้ง
1. เพิ่มเติม Messenger ขึ้นมาในเมนูทูลบาร์
2. ระบบโดยรวมดูเหมือนจะช้าลงไปนิด ๆ แต่ไม่มากนัก
3. มีการแทรกแบนเนอร์มาใน Outlook Express ด้วยเมื่อใช้ hotmail
4. สามารถพิมพ์ภาษาไทยตามเว็บบอร์ดต่าง ๆ ไม้มากมายไม่มีปัญหาเรื่อง resource หมด
5. Dial-Up Networking ดูแปลก ๆ ไปนิดนึง แต่ก็ไม่มากนัก
6. เพิ่มความสามารถด้านอื่น ๆ เช่น DHTML, Filter ที่ทำให้ Web Page สวยงามขึ้นรวมทั้ง iFrame ด้วย
7. สรุปว่าน่าใช้งานครับ และอย่าลืมว่าต้องเป็น Version 5.50.4134.0600 หรือใหม่กว่านี้ขึ้นไปด้วยนะ

การต่ออินเตอร์เน็ตไร้สายผ่านมือถือแบบ GPRS โดยใช้อุปกรณ์ Bluetooth

อินเตอร์เน็ตไร้สายผ่านมือถือด้วยระบบ GPRS ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ของการใช้งานอินเตอร์เน็ต เพราะว่า ในช่วงนี้ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือหลาย ๆ ค่าย ก็มีการทำโปรโมชั่นด้านราคา ออกมาค่อนข้างน่าใช้งานมาก โดยมีราคาถูกลงกว่าเดิมมาก และยิ่งถ้านับเรื่องความสะดวก สำหรับผู้ที่ต้องการ ใช้งานอินเตอร์เน็ตนอกสถานที่ นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่น่าสนใจทีเดียว

ก่อนอื่น มาดูรูปแบบต่าง ๆ ของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านมือถือก่อน โดยทั่วไปแล้ว การที่เราจะสามารถทำการ เชื่อมต่อ เครื่องคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้สามารถรับส่งข้อมูลได้ จะแบ่งวิธีการเชื่อมต่อออกเป็น 3 รูป แบบคือ

1. ผ่านสาย Datalink กรณีนี้ ส่วนมาก จะต้องมีสาย Datalink และ software เฉพาะของมือถือแต่ละรุ่น ซึ่งค่อนข้างจะแพง
2. ผ่าน IrDA หรืออินฟาเรด โดยวิธีนี้ จะเหมาะกับมือถือรุ่นเก่า ๆ ข้อเสียคือเวลาใช้งานจะต้องเอา irda มาจ่อให้ตรงกันตลอด
3. ผ่าน Bluetooth หรือระบบเชื่อมต่อไร้สาย วิธีนี้จะสะดวกมาก ไม่มีสาย แต่มือถือที่รองรับ bluetooth จะค่อนข้างแพง

ในที่นี้ จะขอแนะนำการต่ออินเตอร์เน็ตผ่าน bluetooth โดยอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการทดสอบคือ Bluetooth แบบ USB ของ CSR USB Bluetooth และโทรศัพท์มือถือ Sony Ericsson รุ่น T610 โดย SIM ของมือถือที่จะใช้งาน ต้องผ่านการเปิดใช้บริการ GPRS และตั้งค่าใช้งาน GPRS บนเครื่องโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสามารถดูวิธีการตั้งค่าจากระบบต่าง ๆ ได้ดังนี้

- ระบบ AIS
- ระบบ DTAC
- ระบบ Orange

หรือจะโทรสอบถามจาก call center ของแต่ละระบบก็ได้

การเชื่อมต่ออุปกรณ์ 2 ชิ้นเข้าด้วยกันเพื่อใช้รับส่งข้อมูลผ่าน Bluetooth นั้น เราสามารถเลือกใช้บริการต่าง ๆ ได้หลายอย่าง เช่น การรับ-ส่งไฟล์ ระหว่างกัน การจำลองให้เป็น Serial Port หรือการเชื่อมต่อเพื่อแชร์เน็ตก็ได้ แต่ในที่นี้ จะขอแนะนำ แค่เพียง การนำเอาระบบ Bluetooth มาเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ ใช้เล่นอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือ เท่านั้นครับ

ขั้นตอนหลักใหญ่ ๆ ในการเซ็ตค่าต่าง ๆ ให้เล่นอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือ

1. เปิดการใช้งานระบบ GPRS ของมือถือก่อน และเซ็ตค่าสำหรับ GPRS ในเครื่องโทรศัพท์ให้เรียบร้อย
2. ลง Driver ของ USB Bluetooth และเปิดใช้งาน Service ต่าง ๆ โดยเฉพาะ Dial-Up Networking
3. ทำการจับคู่หรือ Pairing ระหว่างมือถือและ PC ให้ทั้งสองรู้จักกันได้
4. สร้าง Dial-Up Connection สำหรับใช้ต่ออินเตอร์เน็ต
5. เรียกใช้งานผ่าน Dial-Up Connection ได้เลย

เริ่มต้นการติดตั้ง driver และลง software ที่จำเป็นสำหรับ Bluetooth ก่อน

ก่อนอื่น ก็ต้องทำการลง driver ของ Bluetooth ก่อน ซึ่งขั้นตอนการลง driver อาจจะแตกต่างกันไปจากนี้ ตามแต่ละยี่ห้อ แต่คิดว่า คงจะไม่ต่างกันมากนัก เริ่มจาก การเสียบ USB Bluetooth ในเครื่อง และเรียกไฟล์ setup สำหรับลง driver จากแผ่นซีดีที่แถมมา

เลือกที่ Install Driver and Application และกด OK ครับ

ขั้นตอนการลง driver และ software ก็ทำไปตามปกติ กดที่ Next ไปเรื่อย ๆ ได้เลย

ทำการลง driver ไปจนเสร็จถึง Finish ครับ

หลังจากลง driver เรียบร้อยแล้ว ก็เป็นการเซ็ตอัพบริการต่าง ๆ บนเครื่อง โดยโปรแกรมจะเรียก Bluetooth Configuration Wizard ขึ้นมา เพื่อทำการเซ็ตค่าของบริการและทำการจับคู่หรือ Paring กับอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อให้อุปกรณ์ สามารถรู้จัก และรับส่งข้อมูลระหว่างกันได้ ถ้าไม่มีเมนูหน้าจอนี้ ก็ลองค้นหาดูจาก Program Menu ว่ามีโปรแกรมหรือ software อะไรทำนองนี้อยู่บ้าง

ต่อไป ก็จะเป็นการเซ็ตค่าต่าง ๆ ของอุปกรณ์อัตโนมัติ กดที่ Next เพื่อเซ็ตค่าต่อไป

เครื่องจะตั้งชื่อ computer name ตามที่เราเคยใส่ไว้ ถ้าไม่ต้องการเปลี่ยน ก็กดที่ปุ่ม Next

หน้านี้ จะเป็นการเลือกว่าเราต้องการใช้บริการอะไรจาก Bluetooth ในเครื่องบ้าง อย่างที่ได้บอกแต่ต้นแล้ว ว่าระบบ Bluetooth สามารถมีบริการให้เลือกใช้งานได้หลายอย่าง ตรงนี้เราก็เลือกทุกอย่าง แล้วกด Next ต่อไป

ถึงตรงนี้ จะเป็นการเซ็ตให้เครื่อง PC รู้จักกับ โทรศัพท์มือถือ หรือที่เรียกว่า Pairing หรือการจับคู่ระหว่างอุปกรณ์ เพื่อให้อุปกรณ์ทั้ง 2 ชนิด มองเห็นกันและใช้งานร่วมกันได้ ถึงตรงนี้ ให้เราทำการเปิดการใช้งาน Bluetooth ที่เครื่องโทรศัพท์ไว้ เพื่อให้ระบบสามารถค้นหาได้พบ และกดที่ปุ่ม Next เพื่อทำการตั้งค่าต่อไป

รอสักครู่ ระบบจะทำการค้นหาอุปกรณ์ที่เปิดใช้งาน เอาเมาส์กดเลือกที่อุปกรณ์ (เช่น จากตัวอย่างคือ T610) และกดที่ปุ่ม Next

จากนั้น จะเป็นการทำ Pairing หรือการจับคู่ระหว่าง 2 อุปกรณ์ โดยก่อนที่จะทำการจับคู่ได้นั้น จะต้องมีการยืนยันรหัสผ่านหรือ PIN Code ก่อน ซึ่งเราจะตั้งรหัสตรงนี้เป็นเลขอะไรก็ได้ (ตั้งเป็นตัวเลขนะครับ) เมื่อใส่ Pin Code ที่ตั้งขึ้นมามาแล้ว กดที่ปุ่ม Initiate Paring เพื่อทำการจับคู่ให้สำเร็จก่อน

ที่เครื่องโทรศัพท์ ก็จะมีเมนูของการทำ Paring หรือจับคู่ หรืออาจจะเป็นคำว่า "เพิ่มอุปกรณ์ของฉัน" ทำนองนี้ ให้ใส่รหัสยืนยัน PIN Code ที่เราตั้งไว้ให้ตรงกัน แค่นี้ก็เสร็จแล้ว

เมื่อเราสามารถทำการ Paring ได้เรียบร้อยแล้ว ก็มาเลือกว่า จะใช้บริการอะไรบ้าง ตรงนี้ อย่างที่บอกว่า จะขอแนะนำเฉพาะการต่ออินเตอร์เน็ตผ่านมือถือเท่านั้น ก็ให้เลือกที่บริการ Dial-up Networking

เมื่อเลือกที่บริการ Dial-up Networking แล้ว อาจจะมีเมนูให้ทำการตั้งค่าระบบ ก็ไม่ต้องไปเปลี่ยนอะไรมาก กดปุ่ม OK ไปเลย

ถึงตรงนี้ ก็เป็นอันเสร็จแล้วครับ ถ้าไม่มีอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จะมา Paring ก็กดที่ปุ่ม Skip เพื่อจบขั้นตอนการเซ็ตค่าได้เลย

ตรงนี้ก็ถือว่า ขั้นตอนการลง driver และเซ็ตระบบต่าง ๆ ก็เสร็จเรียบร้อยครับ กดที่ปุ่ม Finish

การตั้งค่าของโมเด็มเพิ่มเติม ก่อนการใช้งานอินเตอร์เน็ต GPRS ผ่าน Bluetooth

ถึงตรงนี้ เราก็พร้อมที่จะใช้งาน Modem ผ่าน Bluetooth ได้แล้ว ซึ่งในกรณีที่เราตั้งค่าต่าง ๆ ตามด้านบนเรียบร้อยแล้ว ให้ทดลองต่อเข้าอินเตอร์เน็ตดูก่อน ถ้าหากสามารถใช้งานได้ ก็ให้ข้ามขั้นตอนการตั้งค่าของโมเด็มนี้ไปเลย แต่ถ้าหากทดลองต่ออินเตอร์เน็ตแล้ว ยังไม่สามารถใช้งานได้ ให้ทดลองเข้ามาตั้งค่าของโมเด็มเพิ่มเติมตรงนี้

โดยเริ่มจาก เข้าไปที่หน้า control panel ครับ

กดเลือกและดับเบิลคลิกที่ Phone and Modem

จะเห็นว่ามี Bluetooth Modem เพิ่มขึ้นมาจากเดิม กดเลือกที่ Bluetooth Modem และกดที่ปุ่ม Properties

กดเลือกที่ Advanced และให้ใส่คำว่า AT+CGDCONT=1,"IP","internet" ลงไปในช่อง Extra initialization commands และกดปุ่ม OK เพื่อกลับไปหน้าเดิม และปิดหน้า control panel ได้เลย

การเริ่มต้นเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย Dial-up Network Connection

หลังจากที่ทำการตั้งค่าต่าง ๆ แล้ว เมื่อเข้ามาที่หน้า Dial-up Network Connections ก็จะเห็นว่า มีรายการ Dial-up เพิ่มขึ้นมาอีก 1 อันคือ Bluetooth Connection ซึ่งก็จะเหมือนกับ Dial-up ทั่ว ๆ ไปนั่นเอง

สำหรับบางเครื่องหรือ Bluetooth บางยี่ห้อ ถ้าหากไม่มี Dial-up ตัวใหม่เพิ่มมา อาจจะทดลองสร้าง Dial-up Connection ขึ้นมาเองก็ได้ โดยให้ทำเหมือนกับการสร้างจากโมเด็มธรรมดา แต่แทนที่จะเลือกโมเด็มตัวเดิม ก็เปลี่ยนมาใช้ Bluetooth Modem แทน และถ้าหากท่านไม่พบว่ามี Bluetooth Modem เพิ่มขึ้นมา ให้ลองตรวจสอบดูว่า ได้เปิดบริการของ Dial-up Networking ของ Bluetooth ไว้แล้วหรือยังก่อน

ลองกดเมาส์ขวาที่ Dial-up ของ Bluetooth Connection และเลือกที่ Properties

หน้าตา ก็เหมือนกับ Dial-up ทั่วไปนั่นแหละครับ แต่ตรงเบอร์โทร Phone number แทนที่จะใส่เป็น เบอร์สำหรับ การเชื่อมต่อ ของอินเตอร์เน็ตทั่วไป ก็ต้องเปลี่ยนเบอร์ใหม่แบบ GPRS ซึ่งสามารถหาข้อมูลเบอร์นี้ได้จากเว็บไซต์ของมือถือแต่ละค่าย หรือโทรสอบถามจาก call center ของมือถือได้เลย โดยคร่าว ๆ ที่ทราบมาจะใช้เบอร์ดังนี้

Orange = *99#
AIS = *99***1#
DTAC = *99***2#

หลังจากใส่เบอร์แล้วก็กด OK

เสร็จแล้ว เมื่อต้องการจะต่ออินเตอร์เน็ต ก็เรียกที่ Dial-up Connection เหมือนกับการต่อเน็ตทั่วไป

ในกรณีระบบ GPRS ของโทรศัพท์ Orange จะต้องใส่ user และ password เป็นคำว่า orange ด้วย แต่ GPRS ของ AIS หรือ DTAC ไม่ต้องใส่ ให้เว้นว่างไว้ และกดที่ปุ่ม Dial เพื่อเริ่มต้นการต่อเน็ต

หน้าจอการเชื่อมต่อเน็ต ก็จะคล้าย ๆ กับการต่อเน็ตธรรมดานั่นแหละ

รอสักพักนึง เมื่อต่อได้เรียบร้อยแล้ว ลองกดดูการเชื่อมต่อครับ จะได้รายละเอียดดังรูปข้างบนนี้

ทดลองเข้าเว็บ com-th.net ดู

ความเร็วที่ได้จากการต่ออินเตอร์เน็ตแบบ GPRS

ทีนี้ หลายคนคงสงสัยว่า การต่อเน็ตผ่าน GPRS นี้ จะได้ความเร็วเท่าไรกันแน่ เอาเป็นว่า ผมไม่มีข้อมูลแบบละเอียดของระบบ GPRS นะครับ ว่าความเร็วแบ่งออกเป็นเท่าไรบ้าง แต่ขอบอกว่า ความเร็วของการเชื่อมต่อแบบนี้ จะได้ประมาณ เทียบเท่ากับโมเด็ม 56k โดยประมาณ โดยความเร็ว อาจจะช้าหรือเร็วกว่านี้ ขึ้นอยู่กับ จำนวนคนที่ใช้งานข้อมูล พร้อม ๆ กันในขณะนั้น และขึ้นอยู่กับ รุ่นของโทรศัพท์มือถือ ว่ารองรับ GPRS ใน Class ไหนได้บ้าง ถ้าเป็นมือถือรุ่นใหม่ ๆ ความเร็วสูงสุด จะมากกว่ารุ่นเก่า ๆ

มาทำการทดสอบความเร็วของอินเตอร์เน็ตแบบนี้กัน เริ่มต้น ทดสอบจาก server ในเมืองไทยและของเมืองนอก

ผลการทดสอบจาก http://www.thaicybersoft.com/service/bandwidthmeter/

ผลการทดสอบจาก http://us.mcafee.com/root/speedometer.asp?cid=9438

ได้ผลยังไง ก็ลองดูกันเองครับ ถือว่าเทียบเท่ากับโมเด็มธรรมดาได้เลย

การทดสอบใช้งาน software อื่น ๆ

ตอนแรก ผมเองก็สงสัยว่า แล้วการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบนี้ จะสามารถใช้งานอีเมล์หรือโปรแกรมอื่น ๆ ได้หรือไม่ ก็ทดลองกันดู เริ่มจาก การใช้งานโปรแกรม FTP ผ่านเน็ตก่อน

พบว่าสามารถใช้ FTP ได้ตามปกติ จากนั้น ทดสอบการรับและส่งเมล์ด้วย Outlook Express ดูบ้าง

การใช้งาน Outlook Express เพื่อรับส่งอีเมล์ก็พบว่า สามารถใช้งานได้ตามปกติ รับและส่งอีเมล์ได้เลย

สรุปนะ การเชื่อมต่อแบบนี้ นับได้ว่าเหมาะกับบ้านหรือผู้ที่อยู่หอพักที่ไม่มีโทรศัพท์ หรือผู้ที่ต้องการใช้งานอินเตอร์เน็ตนอกสถานที่ โดยที่ บทความทั้งหมดนี้ ผมเขียนขึ้นมาจาก อุปกรณ์ที่ผมมีทดลองใช้งานเท่านั้น บอกตรง ๆ เลยว่า ถ้าเป็นอุปกรณ์ยี่ห้ออื่น หรือเป็นมือถือรุ่นอื่น ๆ ผมเองก็ไม่เคยจับต้อง ดังนั้น ถ้าท่านใดพบปัญหาหรือมีขั้นตอนการติดตั้ง ที่นอกเหนือไปจากนี้ ก็คงต้องลองเปิดดูคู่มือวิธีการติดตั้งและการเซ็ตค่าต่าง ๆ เพิ่มเติมด้วย

ข้อสำคัญ : การคิดค่าบริการของ GPRS โดยปกติจะแพงมาก ๆ ดังนั้น หากใครคิดจะเล่นอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือ ต้องตรวจสอบ การคิดค่าบริการก่อนด้วย ควรจะเป็นการใช้โปรโมชั่นแบบไม่จำกัดปริมาณการใช้งาน ไม่เช่นนั้น เจอบิลเรียกเก็บค่าโทรศัพท์ อาจจะเป็นหลักหมื่นบาทได้ง่าย ๆ นะครับ