วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

แฟนแบบนี้ ควรหลีกไกล ก่อนที่จะถลำลึก

1. แฟนประเภทชอบรื้อฟื้น เช่น คบกันอยู่ดีๆ แต่วันร้ายคืนสยองเขากลับ มักพูดถึงแต่แฟนเก่า ว่าเป็นคนอย่างงั้น อย่างโน้น นัยว่าหล่อน เป็นแม่พิมพ์ประจำใจเขานั่นแหละ แถมเล่าแล้วไม่เล่าเปล่าเสียด้วยนะ มีการจับทั้งแฟน ปัจจุบันกับอดีตหวานใจมาเปรียบเทียบซะกระเจิด กระเจิง แล้วไอ้ที่ เขาพูดๆ พล่ามๆ เรื่องรักเก่าสมัย ม.3 อะไรเนี่ย มันเป็นสิ่งสร้างสรรค์ หรือทำให้รักปัจจุบัน เหนียวแน่นหรือก็เปล่าเลย ยิ่งเห่า เอ้ย ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้แฟนคนล่าสุดหมดกำลังใจไปเรื่อยๆ แถมดีไม่ดี เขาอาจเก็บภาพสมัยที่เคยระเริงรักกับแฟนเก่า ซึ่งซุกไว้ในเอ็กซ์ไฟล์ ส่วนตัวมาเปิดดูบ่อยๆ โดยที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้ แล้วอย่างนี้จะให้รักกันไหวไหมล่ะ

2. แฟนชอบโกหกจนเป็นสันดาน ข้อนี้คงไม่ต้องอาศัยคำอธิบายอะไรให้มาก เพราะ ใครบ้าง ที่ไม่รู้อยู่แก่ใจว่า การโกหก คือยาพิษที่ บ่อนทำลายความรักได้ง่ายและฉับไวที่สุดบ้างนะ เหตุนี้ ถ้ามีแฟนจัดเข้าข่ายเป็นพวกโก-Six หรือมุสาวาจา เป็นกิจวัตร หรือพวกชอบโชว์มาด “มือถือสาก ปากถือศีล” ล่ะก็ ถ้าไม่เลิกกันวันนี้ พรุ่งนี้ ก็คงมะรืนนี้แหละ สักวันนึงย่อมทนกันไม่ได้อยู่ดี

3. แฟนเจ้าชู้ไม่เลือกหน้า แบบ ว่าเผลอเป็นไม่ได้ ต้องสะเหร่อแบ่งกายไปเบียด คนอื่นอยู่เรื่อย แต่ใช้ข้ออ้างเดิมๆ ว่า เพราะเด็กมันยั่ว เลยหลวมตัวนอตหลุด งั้นเชิญไปไขก๊อกกันทุกคืนเลยแล้วกัน เราอย่าลดตัว เป็นมารคอหอยเขาหน่อยเลย

4. แฟนที่ไม่สนว่า จำเป็นต้องเอาใจคนรักอะไร กันนักหนา .ถ้าไม่รู้จักเอาใจสวีตฮาร์ท แล้วจะให้อีกฝ่ายคอย แต่เอาใจใส่เขาหรือยังไง หากรักกันจริงก็ควรเทกแคร์กันสิเพ่ เท กแคร์น่ะแปลว่า ดูแลเอาใจใส่ไม่ ใช่ไม่เห็นจำเป็นต้องไปเหลียวแล เค้าว่า ความรักคือการแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้แก่กันไม่ใช่หรือ? แล้วเคยให้กันบ้างไหม?

5. แฟนไม่เคยมีเวลาให้ รวมไปถึงชอบผิดนัด นิยมบอกปัด อ้างงานเยอะ แม้แต่วันหยุดสุดสัปดาห์ก็ไม่รู้หายหัวไปไหน ขืน เป็นงี้ แล้วจะเป็นแฟนกันไปทำไม? จะเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนก็แปะเอี้ย (เหมือนกัน) ไม่เห็นมีอะไรต่าง นอกจากอยากเป็นแฟนเฉพาะทางโทรศัพท์ก็ว่าไปอย่าง

6. แฟนไม่เคยทำตามสัญญา ให้ความหวังด้วยลมปากเป็นอย่างเดียว แต่ทำให้หวังเป็นจริง ไม่ได้ก็แย่

7. แฟนที่ชอบตอกย้ำซ้ำเติมปมด้อยให้น้อยเนื้อต่ำใจได้ตลอดเวลา เอ๊ะ ถ้าไม่เห็นเรามีดีแล้วตกลงมารักกันให้เจ็บๆคันๆ ทำไมเหรอ ถ้ารักแล้ว พูดจาภาษาดอกไม้ หาเรื่องดีๆ เป็นสิริมงคลมาคุยกันไม่ได้ งั้นหันมาเป็นศัตรูกันยังเก๋ซะกว่า นี่ล่ะหนา ถึงอยากถามใครต่อใคร ว่าก่อนจะรัก หล่อนพร้อมจะเจ็บกระดองใจหรือยังจ๊ะ

ใครที่มีแฟนแบบนี้ ห่างๆบ้างก็ดีนะคะ

วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

6 วิธีพัฒนาตนเองสู่ความเป็นเลิศ

‘วัยรุ่น’ เป็นวัยที่มีศักยภาพในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากผู้ปกครองจะพยายามส่งเสริมด้านสติปัญญา หรือ IQ ให้แก่วัยรุ่นแล้ว การพัฒนาด้าน EQ ก็เป็นสิ่งสำคัญ ‘เกร็ดน่ารู้’ สัปดาห์นี้ มีวิธีพัฒนาตนเองของวัยรุ่นสู่ความเป็นเลิศ มาฝากกัน

1.ตั้งเป้าหมาย เพราะชีวิตที่ประสบความสำเร็จ คือ ชีวิตที่มีเป้าหมาย ไม่ว่าจะเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ รวมทั้งการใช้เวลาอย่างมีคุณค่า เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการ

2.มีวินัย เป็นหลักปฏิบัติที่ช่วยให้ทำงานสำเร็จ เอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ได้ด้วยเวลาอันสั้น เป็นตัวกำหนดการเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบหน้าที่ที่ได้รับ และช่วยควบคุมตนเองได้ดี

3.สร้างความมั่นใจ ถือเป็นก้าวแรกสู่ความสำเร็จและเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต ทั้งเรื่องเรียนและการทำงาน นอกจากจะส่งผลให้เป็นคนกล้าแสดงออก และกล้าเผชิญกับเรื่องต่างๆ อย่างมั่นใจแล้ว ยังทำให้บุคลิกภาพดีด้วย

4.รับฟังความคิดเห็น และคำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่นอย่างมีเหตุผล ขณะเดียวกันเมื่อพบกับปัญหา ควรหาทางออกที่เหมาะสม เพื่อสร้างความร่วมมือที่ดีในการทำงาน

5.มองโลกในแง่ดี มีความคิดเชิงบวก จะส่งผลให้สุขภาพจิต สุขภาพกายดี ความคิดโปร่งใส สุดท้ายจะตามมาด้วยความสุขและความสำเร็จ

6.ใช้ชีวิตให้สมดุล ด้วยการเดินสายกลาง อย่าทุ่มเทชีวิตให้ด้านใดด้านหนึ่ง จนด้านอื่น ๆ ขาดการดูแล รู้จักใช้ชีวิตให้สมดุล เพื่อกระตุ้นให้ชีวิตมีความสุข มีความคิดสร้างสรรค์ และมีพลังในการเรียน การทำงานต่อไป
การพัฒนาด้านอารมณ์และจิตใจ ควบคู่ไปกับ IQ นั้น ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง.

ที่มา : Ern Jar
เจ้าของบทความ : ไม่ทราบชื่อ

จูบบอกบุคลิกภาพ

จะมีใครรู้บ้างว่า "จูบ" นั้นสามารถบอกบุคลิกภาพหลายอย่างในตัวเราได้
ถ้าไม่เชื่อก็ลองเลือกตัวเลือกเหล่านี้ดูสิ ถ้าหากว่าคุณต้องการที่จะ "จูบ" ใครสักคน
คุณจะเลือก "จูบ" ส่วนไหนดีคะ

=> หน้าผาก
=> เปลือกตา
=> ปลายจมูก
=> ใบหน้า
=> ใบหู
=> ริมฝีปาก
=> ช่วงคอ

เมื่อเลือกเสร็จแล้ว ลองอ่านเฉลยดูนะจ๊ะ

---------------------------------------------------------------------------

เฉลย

หน้าผาก
คุณเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่รักสันติ
ชอบที่จะให้อภัยคนอื่น และต้องการความนับถือจากผู้อื่นเช่นเดียวกัน
คุณมีความสามารถพิเศษในการที่จะแสดงออกเป็นอย่างดี และเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมากคนหนึ่ง
ดังนั้น คุณจึงสามารถมีชีวิตที่จะประสบผลสำเร็จในสังคมได้
และบรรดาเพื่อน ๆ ที่อยู่รอบกายคุณจะมองว่าคุณเป็นคนที่สุภาพและสามารถเข้าใจพวกเขาได้เป็นอย่างดี

เปลือกตา
คุณเป็นโรมิโอที่หัวดื้อที่สุด ผู้ซึ่งต้องการที่จะรักมาก และคุณสามารถที่จะสละทุกสิ่งได้เพื่อความรัก
ความรักของคุณจะแสดงออกมาในรูปแบบของความป่าเถื่อนและรุนแรง
จนถึงกับกลายเป็นนักรักที่ดุร้าย ทำให้บางครั้งคนรักของคุณอาจมองว่าคุณเป็นคนเห็นแก่ตัว

ปลายจมูก
ในเรื่องของความสัมพันธ์ SEX ค่อนข้างที่จะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคุณ
คุณให้ความสำคัญต่อมิตรภาพความซื่อสัตย์ และมีความปรารถนาอย่างรุนแรงในเรื่องของความรักและ SEX คุณเป็นคนสนุกสนาน และไม่ใช่คนอดทนพอที่จะพักอยู่เป็นเวลานานในที่ที่คุณปราศจากความสบาย
ดังนั้น จึงเป็นการยากที่คุณจะสร้างรากฐานที่มั่นคงในอาชีพหรือการดำเนินชีวิตของคุณ
และมันจะเป็นการชี้นำว่า คุณไม่สามารถเปลี่ยนงานที่คุณทำอยู่ได้ หากปราศจากเหตุผลอันหนักแน่นเพียงพอ

ใบหน้า
คุณให้ความสำคัญกับสันติภาพอยู่เหนือสิ่งใดและเหล่าเพื่อนๆ ก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมากต่อคุณ
คุณยินดีที่จะแบ่งปันรางวัลทั้งหมดของคุณแก่เหล่าเพื่อน
และคุณเป็นคนที่ไม่หงุดหงิดง่าย ๆ ถ้าเกิดมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อย
คุณเป็นคนใจดี อีกทั้งยังไม่เก็บเรื่องแย่ ๆ ของคนอื่นมาครุ่นคิด
ดังนั้น คุณจึงมีความสามารถที่จะรักษาความสัมพันธ์ด้านความรักและความเมตตาเอาไว้ได้ยาวนาน

ใบหู
คุณสามารถเดาใจของผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ คุณจึงสามารถเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
คุณมีอารมณ์ที่จะชื่นชมหรือมีส่วนร่วมกับความรู้สึกและความนึกคิดของผู้อื่น
อย่างไรก็ดี คุณก็สามารถที่ทำให้เกิดเรื่องตลกขึ้นได้โดยร่วมกับผู้อื่น
เพื่อที่จะบรรลุจุดมุ่งหมาย คุณก็พร้อมที่จะเสียสละให้แก่ผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย
และเพื่อทีจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดี คุณจะมีการควบคุมอารมณ์และการแสดงออกอันไร้เหตุผล
พฤติกรรมของคุณจึงเกี่ยวพันสอดคล้องกับความรู้สึกภายในของคุณอย่างชัดเจน 100 %

ริมฝีปาก
คุณเป็นคนหนึ่งที่มีความซื่อสัตย์มาก เมื่อคุณได้จุมพิตริมฝีปากของใครคนหนึ่ง
คุณได้แสดงออกอย่างแน่นอนถึงความหวังของการมีรักแท้
ราวกับมีการเปล่งประกายแสงออราของความเชื่อมั่น
คุณเป็นคนหนึ่งที่มีหลักเกณฑ์ทางศีลธรรมที่เข้มงวด

ช่วงคอ
ธรรมชาติความรักของคุณ คุณไม่ได้เป็นคนที่ฝันถึงเรื่องความรักชั่วนิจนิรันดร
แม้ว่าความรู้สึกในการเป็นเจ้าของในสิ่งต่าง ๆ ของคุณจะมีมากก็ตาม แต่มันก็จะจางหายไปในชั่วเวลาหนึ่ง
แม้ว่าคุณจะไม่ได้รักคนรักของคุณแล้ว แต่คุณก็มีความเห็นแก่ตัว ต้องการให้คนรักของคุณยังคงรักคุณอยู่
คุณไม่ใคร่มีความกระตือรือร้นมากเท่าใดนักต่อชีวิตของคุณเอง
และไม่ได้มีอะไรพิเศษเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับบทบาททางเพศของคุณ

ที่มา : admin
เจ้าของบทความ : ไม่ทราบชื่อ

ผู้หญิงแบบไหน ที่ผู้ชายอยากได้เป็นเจ้าสาว

ผู้หญิงที่น่าไว้วางใจ ผู้ชายไม่ว่าสไตล์ไหน ก็ยังคงต้องการ ความไว้วางใจ จากผู้หญิงทั้งนั้น เขาอยากที่จะมั่นใจว่าคุณจะไม่ทิ้งๆ ขว้างๆ เขาเหมือนกับเขาเป็นกระดาษทิชชู หรือว่าคุณจะไม่เฟลิตใส่ญาติพี่น้องของเขา พูดง่ายๆ ทำตัวให้เขาไว้ใจคุณ

ผู้หญิงแบบเพื่อนกัน เค้าหน่ะไม่อยากได้แม่อีกคนหรอกนะ หรือว่าไม่อยากได้ประเภทอินโนเซนท์ทำอะไรไม่เป็น หรือว่าไม่มีหัวคิดเป็นของตัวเอง ผู้ชายก็เหมือนผู้หญิงนั่นแหละ เขาอยากจะมองหาคนที่เข้าใจ ไว้ใจ เชื่อใจได้ ปรึกษาได้ทุกเรื่อง หรือเป็นเพื่อนคุยคอยรับฟังปัญหา แบ่งปันรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หรือแม้แต่น้ำตา ทุกเวลากับคนที่จะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ

มีความเป็น "เรา" คือ มีความเชื่อและค่านิยมพื้นฐานที่คล้ายๆ กันไง แต่ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกๆ อย่าง ความรู้สึกที่เป็นทีมเวิร์คที่ดี จะทำให้คนสองคนมีความผูกพันกันมากขึ้น เช่น ค่านิยมพื้นฐานเรื่องเวลา เงิน หรือแม้กระทั่งศาสนา และความสำคัญของครอบครัว

ผู้หญิงที่มีความสนใจอะไรคล้ายๆ กัน ผู้ชายจะตื่นเต้น ที่ได้พบผู้หญิงที่ให้เขาเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เธอทำ และผู้หญิงก็เช่นกัน โดยเฉพาะผู้หญิงที่แอคทีฟ และสนุกในกิจกรรมเดียวกับที่ผู้ชายทำ ไม่ว่าจะเป็นชอบเล่นกีฬา หรือว่าเล่นเกมส์ เคาน์เตอร์สไตรค์ ฯลฯ ผู้หญิงที่น่าสนใจจะเป็นคนที่ดึงผู้ชายให้ไปลองอะไรใหม่ๆ ที่เขาอาจจะไม่ชอบโดยธรรมชาติ แต่หลังจากนั้น เขาจะค้นพบว่าเขาก็สนุกเหมือนกัน ที่ได้ลองทำอะไรแปลกออกไป

ผู้หญิงที่มีอารมณ์ขัน ไม่มีใคร อยากอยู่กับผู้หญิงที่หน้าบึ้ง หรือว่าไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย เสียงหัวเราะที่สดใส ไร้จริต เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ที่ทำให้ผู้ชายหลงมานักต่อนักแล้ว คุณรู้สึกบ้างหรือเปล่าเวลาที่คุณหัวเราะกับใครซักคน คุณจะรู้สึกเป็นกันเองกับคนๆ นั้นทันที อารมรณ์ขันช่วยสร้างความใกล้ชิดและความอบอุ่น แถมยังไล่ตะเพิดความเครียดอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นคำพูดที่ว่า "ยิ้มวันละนิด จิตแจ่มใส" ก็ยังใช้ได้ดีอยู่

ฉลาด ผู้หญิงฉลาดเท่านั้นที่ผู้ชายต้องการ บางคนบอกว่าผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงที่ฉลาดและเก่งกว่าตน ไม่จริง หรอกค่ะ ผู้ชายสมัยนี้นิยมผู้หญิงที่ฉลาด มีไหวพริบ มีความคิดความอ่าน แต่ต้องฉลาดให้ถูกที่ ไม่ใช่ทำเบ่งอวดฉลาดต่อหน้าคนอื่น แล้วทำให้ผู้ชายคนนั้นต้องอับอาย อย่างนั้นไม่ฉลาดจริงหรอก

เรื่องเซ็กส์ ต้องยอมรับกันว่าอารมณ์แบบนี้มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน แต่ว่าเซ็กส์ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดหรอกค่ะ ไม่อย่างนั้นคงขึ้นไปอยู่อันดับที่ 1 แล้ว การคิดถึงใครในแง่ที่เป็นคู่นอนนั้น ไม่เหมือนกับการคิดถึงใครในแง่ที่เป็นพื่อนหรือคู่ชีวิตหรอกค่ะ ผู้ชายก่อนที่เขาจะแต่งงาน เขาก็จะไม่ได้มองหาความตื่นเต้นที่จะมีเซ็กส์หรอก แต่เค้ากลับมองและอยากจะแน่ใจว่า ในอีก 70 ปีข้างหน้า เขาจะยังอยู่เคียงข้างกับเธอคนนั้นต่างหาก

ที่มา : admin
เจ้าของบทความ : ไม่ทราบชื่อ

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

นาทีสุดท้ายของแม่

พระคุณแม่ทดแทนไม่รู้หมด

าลครั้งหนึ่งไม่นานเท่าไหร่ ณ ต้นไม้ใหญ่ท้ายหมู่บ้าน มีเด็กชายคนหนึ่งเดินหงุดหงิดอยู่คนเดียว ปากก็บ่นไปว่า "ใช้อยู่ได้ วันๆใช้ทำโน่นทำนี่ เดี๋ยวให้ถูบ้าน เดี๋ยวให้ล้างจาน โอ้ย..เบื่อ ๆ ๆ "

เดือดร้อนถึงเทพผู้ให้กำเนิด ซึ่งเป็นผู้จัดให้เด็กๆมาเกิดในหมู่บ้านนี้ จึงแปลงกายเป็นผู้เฒ่าและปรากฎตัวพร้อมกับหมาน้อยตัวหนึ่ง

ผู้เฒ่าถามเด็กน้อยว่า " เด็กน้อยเจ้าบ่นอะไรอยู่เหรอ บอกเรามาเถอะเผื่อเราจะช่วยเจ้าได้ "

เด็กน้อยตอบ " ก็แม่ของฉันนะสิ วันๆชอบใช้ให้ทำงานบ้าน ไม่เคยได้พัก ได้เล่นกับเพื่อนบ้างเลย "

ผู้เฒ่าหยิบก้อนอิฐขึ้นมาสองก้อน
" เอ้า ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มาเล่นกับเราสิ เรามาแข่งกันถืออิฐนี้ไว้คนละก้อน
ใครถือได้นานกว่ากันคนนั้นชนะ "

เด็กชายเห็นว่าเป็นเรื่องง่ายๆจึงตกลงเล่นด้วย เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
เด็กน้อยเริ่มเมื่อยล้า และเบื่อจึงบ่น และขอยอมแพ้

ผู้เฒ่าก็พูดต่อว่า
" งั้นเจ้าเล่นกับลูกสุนัขตัวนี้ไหมหละ แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องป้อนนมให้ลูกสุนัขตัวนี้ก่อนนะ "

เด็กน้อยตอบว่าก็ได้ แล้วเริ่มป้อนนมให้ลูกสุนัข ไม่นานลูกสุนัขก็ซนและไม่ยอมอยู่นิ่งเด็กน้อยก็เบื่อ แล้วก็บ่นพาลไม่ป้อนนมต่อ..

ผู้เฒ่าจึงสอนว่า
"แม้แต่ก้อนอิฐ 1 ก้อนเจ้าก็ยกได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เทียบไม่ได้กับแม่เจ้า
ซึ่งต้องอุ้มท้องเจ้าตลอดทั้งวันทั้งคืนนานถึง 9 เดือนก่อนจะคลอดเป็นเจ้าออกมา"

" แล้วยังต้องอดทนเลี้ยงเจ้าตั้งแต่เล็กจนโตขนาดนี้
ขณะที่เจ้าป้อนนมลูกหมาแค่มื้อเดียวก็เบื่อแล้ว "

" การเป็นแม่นั้นลำบากนัก ตั้งแต่อุ้มท้อง และเลี้ยงลูกจนกว่าจะโต
การทดแทนบุญคุณด้วยการช่วยการงานเพียงเล็กน้อย
ย่อมเทียบไม่ได้กับพระคุณแม่ที่เลี้ยงเรามา "

เด็กน้อยได้ฟังแล้วจึงคิดได้ รีบวิ่งกลับไปหาแม่โดยไม่คิดบ่นอีกเลย..

คติ:พระคุณแม่นั้นมากเหลือคณา จะตอนแทนเท่าไรก็ไม่หมด

"ฉลาดเรียน....กิน....เล่น" สามสมดุล สร้างได้ด้วยครอบครัว




" เด็กไทยกำลังน่าเป็นห่วง ทั้งในเรื่องสติปัญญา และพฤติกรรมการกิน จากการสำรวจของสถาบันราชานุกูล พบว่า ..... เด็กไทยชั้นประถมอายุ 6-11 ปี มีระดับไอคิวเพียง 97-98 ถือว่าต่ำ ถึงแม้จะไม่ต่ำกว่าเกณฑ์เมื่อเทียบกับเด็กปกติที่จะต้องมีประมาณ 90-110 ส่วนเรื่องการกิน เด็กไทยไม่ค่อยกินอาหารเช้า กินแต่ขนมกรุบกรอบ หรือขนมกินเล่น มักอยู่แต่หน้าจอโทรทัศน์ และคอมพิวเตอร์ ซึ่งถ้าอยู่นานเกิน 2 ชั่วโมงขึ้นไป จะมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก และนำไปสู่ภาวะโรคอ้วน และโรคต่างๆในที่สุด"

ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากครอบครัว พ่อแม่ส่วนมาก มีความหวังอยากให้ลูกเก่ง และเป็นอัจฉริยะ จึงส่งให้ลูกเรียนกวดวิชา ซึ่งแต่ละวันจะให้เด็กเรียนหลายวิชามาก ไม่ว่าจะเป็น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ดนตรี เป็นต้น ทำให้เด็กบางคนรับไม่ไหว ผลสุดท้าย เกิดความเครียด และกดดัน ผลคะแนนสอบจึงออกมาไม่ดี เมื่อเทียบกับเด็กที่เรียน-เล่นอย่างพอดี คะแนนสอบกลับได้มากกว่า


นอกจากนี้คุณสาหร่ายังบอกต่อว่า ความเก่งแม้จะมาจากพันธุกรรมของพ่อแม่ก็จริง แต่ถ้าอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม หรือครอบครัวที่ไม่เข้าใจเด็ก ความเก่งที่เด็กได้จากพันธุกรรมก็ไม่เกิดผลเต็มที่ ทางที่ดี พ่อแม่ต้องให้เด็กเก่งกิจกรรมควบคู่กับการเรียน เพราะจะช่วยให้เด็กเกิดการผ่อนคลาย มีเหตุมีผล ไม่มุ่งแต่จะเก่ง แต่กิจกรรม และกีฬาจะสอนให้เด็กรู้จักแพ้ชนะ มีสังคม และเข้าใจโลกได้เป็นอย่างดี รวมถึงต้องเข้าใจธรรมชาติของลูก และกระตุ้นจุดเด่นของลูกให้เต็มที่


ด้านพฤติกรรมการกินของเด็กไทย คุณหมอบอกว่า ยังมีทั้งขาด และเกิน โดยเฉพาะอาหารเช้า เป็นอาหารสำคัญที่เด็กไทยไม่ค่อยกิน สอดรับกับผลวิจัยของกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่า เด็กไทยวัยเรียนร้อยละ 28.5 ไม่กินอาหารเช้า ส่งผลต่อพัฒนาการ และการเรียนรู้ เช่น ไม่มีสมาธิในการเรียน ความจำและความเข้าใจในวิชาที่เรียนลดน้อยลง เช่น วิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ทำให้เรียนไม่ทันเพื่อน ขาดเรียน และมีผลต่อการสอบ ทำให้มีอาการปวดท้อง ขาดสารอาหาร ร่างกายไม่เจริญเติบโตเต็มที่ และไม่แข็งแรง เฉื่อยชา ไม่อยากเรียนรู้ เป็นต้น ดังนั้น ทุกครอบครัวต้องปลูกฝังการกินตั้งแต่ลูกยังเล็ก อย่ามาแก้เอาตอนโต

10 ความเสี่ยงของ ''Facebook'' อาจทำร้ายชีวิตคุณได้

สัปดาห์ก่อน "เฟซบุ๊ก" เพิ่งประกาศจำนวนผู้ใช้ทะลุ 500 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งถือเป็นหลักไมล์ที่มีความสำคัญสำหรับทั้งบริษัทและเว็บเครือข่ายสังคม แต่ในขณะที่เฟซบุ๊กกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตใครหลายคน แต่ก็มีอีกด้านของเหรียญที่หลายคนอาจมองข้าม

เว็บบล็อกของ "นิวส์วีก" ได้รวบรวม 10 ความเสี่ยงที่เฟซบุ๊กอาจทำร้ายชีวิตของเราเอาไว้ เพื่อให้พวกเราใช้เว็บเครือข่ายสังคมอย่างรู้เท่าทัน

1.คุณอาจ ได้อยู่ร่วมกับคนครอบครัวอีกครั้งหลังจากมีเหตุให้ต้องแยกกันไป ซึ่งถือเป็นข่าวดี แต่ก็อาจไม่ใช่ทั้งหมด อย่างกรณีของ "พรินซ์ ซากาลา" ที่ค้นพบลูกๆ ของเธอจากเฟซบุ๊ก โดยเธออ้างว่าอดีตสามีเป็นผู้ที่พาลูกๆ หนีไปนานนับสิบปี แต่แม้ว่าแม่และลูกจะได้กลับมาเห็นหน้ากันอีกครั้ง แต่ติดปัญหาตรงที่เด็กๆ เติบโตมาจากการดูแลของพ่อ และไม่ต้องการที่จะอยู่ร่วมกับแม่ ขณะที่เรื่องราวของ "เอมี สวอร์ด" น่าตกใจกว่า เมื่อเธอถูกพิพากษาจำคุก 9-30 ปี ในคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายอายุ 15 ปี ซึ่งเป็นลูกชายในไส้ที่เธอปฏิเสธจะเลี้ยงดู แต่กลับมารู้จักกันทางเฟซบุ๊ก

2. จำไว้ว่าเจ้าหนี้สามารถตามรอยคุณได้ผ่านเฟซบุ๊ก โดยบรรดาเจ้าหนี้จะใช้เฟซบุ๊กเพื่อประเมินว่าคุณเป็นคนที่น่าจะปล่อยกู้ให้ หรือไม่ รวมทั้งใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทางที่จะติดตามความเคลื่อนไหวของลูกหนี้ และจับตาดูสินทรัพย์ที่อาจจะยึดมาชดใช้หนี้ที่คุณติดอยู่

3. บริษัทประกันอาจปฏิเสธการจ่ายชดเชย ดังกรณีของผู้หญิงที่ได้รับค่าชดเชยความเครียดจากการทำงาน แต่กลับไม่ได้รับเงินในส่วนนี้เพราะเธอโพสรูปที่กำลังยิ้มไว้บนเฟซบุ๊ก บริษัทประกันจึงขอตัดสิทธิประโยชน์ส่วนนี้ โดยอ้างว่าภาพดังกล่าวแสดงว่าเธอพร้อมที่จะกลับมาทำงาน ซึ่งเรื่องนี้อาจจุดชนวนให้ทนายความถกเถียงเกี่ยวกับการจ่ายผลประโยชน์ ทุพพลภาพ จึงมีคำแนะนำไม่ให้เปิดเผยเรื่องส่วนตัวบนเฟซบุ๊กมากเกินไป

4. อดีตคนรักอาจใช้เฟซบุ๊กในคดีหย่าร้าง ปัจจุบันเฟซบุ๊กเป็นเครื่องมือยอดฮิตสำหรับทนายที่ทำคดีหย่าร้าง ซึ่งจะแสวงหาข้อมูลของสามีหรือภรรยาของลูกค้า เพื่อใช้เป็นหลักฐานถึงการละเลยไม่เอาใจใส่ การแอบคบกิ๊ก หรือหลอกลวง มีกรณีที่คุณแม่ต้องสูญเสียสิทธิในการเลี้ยงดูลูกๆ หลังจากอดีตสามีพิสูจน์ว่าเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเล่นเกมฟาร์มวิลล์ แทนที่จะใช้เวลาอย่างมีค่าเพื่อลูกๆ

5.เฟซบุ๊กอาจเป็นสาเหตุให้ คุณเครียด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสโตนี บรู๊ก ในนิวยอร์ก พบว่า สาวๆ วัยรุ่นที่ใช้เวลาส่วนใหญ่สนทนาเรื่องราวชีวิตกับผองเพื่อนมีความเป็นไปได้ มากที่จะเครียด เพราะการใช้เวลามากเกินไปในการเม้าท์และคุยถึงปัญหาต่างๆ จะทำให้คุณรู้สึกแย่ลง ไม่ใช่ดีขึ้น แม้นักวิจัยจะไม่ได้เน้นศึกษากรณีของเฟซบุ๊กโดยเฉพาะ แต่ผลการศึกษาดังกล่าวก็สะท้อนว่าเว็บเครือข่ายสังคม อาทิ เฟซบุ๊ก อาจทำให้ผู้คนติดต่อเพื่อนๆ ได้ง่าย และมักพูดคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง

6. กระทบต่อหน้าที่การงาน จากผลสำรวจความเห็นของนายจ้างในอังกฤษ พบว่า ครึ่งหนึ่งของนายจ้างเหล่านี้ปฏิเสธว่าจ้างผู้สมัครที่เคยโชว์พฤติกรรมแย่ๆ ไว้บนเฟซบุ๊ก อาทิ เล่าเรื่องที่ตัวเองเมาจนหัวราน้ำ โพสภาพกิจกรรมนอกลู่นอกทาง และการใช้ภาษาแบบแย่ๆ ขณะที่ในสหรัฐ ราว 20% ของนายจ้างยอมรับว่าใช้เฟซบุ๊กในการหาผู้สมัครที่มีศักยภาพ ส่วนราว 9% บอกว่ากำลังจะเริ่มใช้เฟซบุ๊กในเร็วๆ นี้

7.แฉความลับที่ปิด ซ่อนไว้ เพราะแม้คุณจะระมัดระวังการใช้เฟซบุ๊ก แต่ผองเพื่อนปากสว่างของคุณอาจไม่ได้ระวังด้วย และอาจเผลอโพสต์ข้อความที่แฉความลับของคุณ ยิ่งกว่านั้น การใช้เฟซบุ๊กยังอาจบ่งบอกสิ่งที่อยู่เบื้องหลังตัวตนของคุณ ยกตัวอย่างนักศึกษาสถาบันเอ็มไอทีได้ออกแบบกระบวนการทำงานที่สามารถบ่งบอก ได้อย่างแม่นยำว่าผู้ใช้รายใดที่เป็นเกย์ โดยวิเคราะห์จากจำนวนเพื่อนๆ ที่เป็นเกย์

8.เฟซบุ๊กทำให้คู่รักหรือพวกตามรังควานติดตามความ เคลื่อนไหวของคุณได้ ง่ายขึ้น หากไม่มีเฟซบุ๊ก คนเหล่านี้อาจต้องหาวิธีอื่นที่จะไล่ตามคุณ แต่เฟซบุ๊กทำให้คนเหล่านี้ติดตามเหยื่อได้ง่ายและตอบกลับความเคลื่อนไหว ต่างๆ แม้เหยื่อจะพยายามตัดความสัมพันธ์แล้วก็ตาม อย่างกรณีของหญิงรายหนึ่งที่เปลี่ยนสถานะบนเฟซบุ๊กว่า "โสด" ถูกฆาตกรรมโดยสามีที่เพิ่งถูกบอกเลิก โดยหลังจากที่เขาเห็นภรรยาเปลี่ยนสถานะเป็นโสด เขาก็บุกเข้าไปทำร้ายเธอในบ้าน

9.คุณอาจถูกฟ้องหมิ่นประมาทได้ มีหลายกรณีที่ถูกฟ้องเพราะเนื้อหาที่โพสต์บนเฟซบุ๊ก อย่างในอังกฤษ นักธุรกิจหญิงชนะคดีหลังจากฟ้องร้องเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่สร้างโปรไฟล์ปลอม ที่เต็มไปด้วยข้อความหมิ่นประมาท

10.เด็กๆ อาจตกเป็นเหยื่อของคนร้าย อย่างกรณีของเด็กสาวในอังกฤษที่ถูกฆ่าโดยผู้ร้ายข่มขืน ซึ่งโพสตัวตนบนเฟซบุ๊กเป็นวัยรุ่นเหมือนกัน แม้ในอังกฤษจะมีแอพพลิเคชั่น "panic button" สำหรับให้วัยรุ่นแจ้งเรื่องต้องสงสัยไปยังทางการโดยตรง แต่แอพพลิเคชั่นนี้ก็ยังไม่ได้มีใช้ในสหรัฐหรือเวอร์ชันอื่นๆ