วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"ฉลาดเรียน....กิน....เล่น" สามสมดุล สร้างได้ด้วยครอบครัว




" เด็กไทยกำลังน่าเป็นห่วง ทั้งในเรื่องสติปัญญา และพฤติกรรมการกิน จากการสำรวจของสถาบันราชานุกูล พบว่า ..... เด็กไทยชั้นประถมอายุ 6-11 ปี มีระดับไอคิวเพียง 97-98 ถือว่าต่ำ ถึงแม้จะไม่ต่ำกว่าเกณฑ์เมื่อเทียบกับเด็กปกติที่จะต้องมีประมาณ 90-110 ส่วนเรื่องการกิน เด็กไทยไม่ค่อยกินอาหารเช้า กินแต่ขนมกรุบกรอบ หรือขนมกินเล่น มักอยู่แต่หน้าจอโทรทัศน์ และคอมพิวเตอร์ ซึ่งถ้าอยู่นานเกิน 2 ชั่วโมงขึ้นไป จะมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก และนำไปสู่ภาวะโรคอ้วน และโรคต่างๆในที่สุด"

ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากครอบครัว พ่อแม่ส่วนมาก มีความหวังอยากให้ลูกเก่ง และเป็นอัจฉริยะ จึงส่งให้ลูกเรียนกวดวิชา ซึ่งแต่ละวันจะให้เด็กเรียนหลายวิชามาก ไม่ว่าจะเป็น คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ดนตรี เป็นต้น ทำให้เด็กบางคนรับไม่ไหว ผลสุดท้าย เกิดความเครียด และกดดัน ผลคะแนนสอบจึงออกมาไม่ดี เมื่อเทียบกับเด็กที่เรียน-เล่นอย่างพอดี คะแนนสอบกลับได้มากกว่า


นอกจากนี้คุณสาหร่ายังบอกต่อว่า ความเก่งแม้จะมาจากพันธุกรรมของพ่อแม่ก็จริง แต่ถ้าอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม หรือครอบครัวที่ไม่เข้าใจเด็ก ความเก่งที่เด็กได้จากพันธุกรรมก็ไม่เกิดผลเต็มที่ ทางที่ดี พ่อแม่ต้องให้เด็กเก่งกิจกรรมควบคู่กับการเรียน เพราะจะช่วยให้เด็กเกิดการผ่อนคลาย มีเหตุมีผล ไม่มุ่งแต่จะเก่ง แต่กิจกรรม และกีฬาจะสอนให้เด็กรู้จักแพ้ชนะ มีสังคม และเข้าใจโลกได้เป็นอย่างดี รวมถึงต้องเข้าใจธรรมชาติของลูก และกระตุ้นจุดเด่นของลูกให้เต็มที่


ด้านพฤติกรรมการกินของเด็กไทย คุณหมอบอกว่า ยังมีทั้งขาด และเกิน โดยเฉพาะอาหารเช้า เป็นอาหารสำคัญที่เด็กไทยไม่ค่อยกิน สอดรับกับผลวิจัยของกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่า เด็กไทยวัยเรียนร้อยละ 28.5 ไม่กินอาหารเช้า ส่งผลต่อพัฒนาการ และการเรียนรู้ เช่น ไม่มีสมาธิในการเรียน ความจำและความเข้าใจในวิชาที่เรียนลดน้อยลง เช่น วิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ทำให้เรียนไม่ทันเพื่อน ขาดเรียน และมีผลต่อการสอบ ทำให้มีอาการปวดท้อง ขาดสารอาหาร ร่างกายไม่เจริญเติบโตเต็มที่ และไม่แข็งแรง เฉื่อยชา ไม่อยากเรียนรู้ เป็นต้น ดังนั้น ทุกครอบครัวต้องปลูกฝังการกินตั้งแต่ลูกยังเล็ก อย่ามาแก้เอาตอนโต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น