วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

เลียนแบบท่าเต้น tell me ด้วยตัวการตูนในเกมส์ (ขำๆๆ)

14 วิธี นอนหลับสบายและฝันดี

บ่อยแค่ไหนที่น้องๆ ชาว Dek-D.com ต้องนอนดึกแล้วก็ตื่นมาพร้อมกับความอ่อนเพลียในตอนเช้า ลองทำตามคำแนะนำง่ายๆ นี้ดูนะคะ แล้วน้องๆ ชาว Dek-D.com จะพร้อมเข้านอนและหลับได้ในทันที

น้องๆ ชาว Dek-D.com ลองทำตามขั้นตอนตามนี้ดูนะจ๊ะ


1. น้องๆ ชาว Dek-D.com ต้องแน่ใจว่าได้เตรียมของสำหรับพรุ่งนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว อย่างเช่น จัดกระเป๋า หรือเตรียมอุปกรณ์ไว้พรีเซนต์ ตั้งนาฬิกาปลุก หรือเตรียมชุดที่จะใส่ในวันพรุ่งนี้ไว้แล้ว

2. ล้างหน้าด้วยนะคะ ให้น้องๆ ชาว Dek-D.com ล้างหน้าและลำคอด้วยน้ำยาทำความสะอาดใบหน้า (face cleanser) แล้วก็ต้องแน่ใจนะคะว่าน้ำยานั้นไม่มีส่วนผสมของสบู่ และถ้าเป็นไปได้ต้องไม่มีแอลกอฮอล์ด้วยนะคะ ต่อจากนั้นก็ใช้ครีมที่เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว (มีมอยซเจอร์ไรเซอร์) แต่ถ้าน้องๆ ชาว Dek-D.com เพลียและง่วงนอนมากๆ ก็อาจจะใช้ผ้าทำความสะอาดใบหน้าแทนก็ได้ และพยายามใช้โทนเนอร์, โลชั่น และใช้มาสก์หน้า สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 10 นาที และทาครีมบำรุงผิวสำหรับกลางคืน (night cream)

3. เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนนอน มันเป็นเรื่องสำคัญมากนะคะ เพราะมันจะดีแค่ไหนที่เราไม่ต้องตื่นมากลางดึกเพื่อเข้าห้องน้ำอีก เข้าไปถึงแม้ว่าจะยังไม่ปวดแต่ก็อย่าไปฝืนถ้าลองเข้าไปแล้วแต่ไม่สำเร็จ

4. เป่าผมให้แห้งแม้เป็นเพียงผลจากการล้างหน้า แต่ก็อย่าใช้เวลากับตรงนี้นานนักนะคะ ถ้าน้องๆ ชาว Dek-D.com ไม่มีไดร์เป่าผม ก็ให้ใส่หมวกคลุมอาบน้ำไว้ตอนล้างหน้า หรือปล่อยให้ผมแห้งไปเองก็ได้

5. แปรงฟันก่อนนอนด้วยนะคะ แปรงให้สะอาดทุกซอกทุกมุมเลยนะคะ ข้างนอก ข้างใน ข้างบน ข้างล่าง แปรงจนกว่าจะรู้สึกว่าปากสดชื่น แล้วก็ต้องแปรงลิ้น ใช้ไหมขัดฟันและใช้น้ำยาบ้วนปากด้วยนะคะ หลังจากล้างปากแล้ว ให้ดื่มน้ำแก้วเล็กๆ แล้วก็แปรงผมต่อเลยก็ได้นะคะ แต่ต้องแน่ใจนะว่าถอดยางมัดผมแล้ว และจะสามารถหวีผมที่ยุ่งเหยิงไปได้

6. ถ้าต้องทานยาหรือยาทาก่อนนอน ก็จัดการให้เรียบร้อยซะก่อนจะลงนอน

7. ทำให้แน่ใจว่าเตียงนี้ได้เตรียมไว้ในแบบที่น้องๆ ชาว Dek-D.com ต้องการแล้ว และฟูกที่เตียงต้องทำให้นอนสบาย

8. เปิดหน้าต่างซะถ้าห้องมันร้อนไป หรือถ้ารู้สึกหนาวก็หาผ้ามาห่ม

9. ปิดไฟก่อนนอนด้วยนะคะ

10. นอนลงบนเตียงแล้วห่มผ้าให้ร่างกายอบอุ่น อ่านหนังสือต่างๆ แต่ไม่ควรดูโทรทัศน์ หรือเล่นคอมพิวเตอร์ ก่อนนอน เพราะมันจะมีผลเสียต่อการนอน

11. น้องๆ ชาว Dek-D.com อาจจะเปิดเพลงเบาๆ ไว้ได้ถ้าต้องการ

12. เมื่อไหร่ที่รู้สึกง่วง ให้วางหนังสือที่อ่านอยู่ลง และคิดถึงเรื่องที่อยากจะฝัน

13. ปิดไฟ ปิดวิทยุให้เรียบร้อย

14. จากนั้นก็หลับให้สบาย และฝันดีนะคะ

บทความโดย พี่นัท จากคอลัมน์ Lifestyle > เรื่องน่ารู้ไลฟ์สไตล์

เตือนภัยการคุยโทรศัพท์มือถือ

ดูเหมือนว่า ปัจจุบันนี้การสื่อสารผ่าน “การคุยโทรศัพท์มือถือ” เป็นเสมือนการสื่อสารหลักของผู้คน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่การสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือมักจะเป็นทางเลือกแรกๆ ที่ผู้คนเลือกใช้ แน่นอนว่า พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ของแต่ละคนก็จะมีความแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ

บางคนโทรมาก บางคนโทรน้อย บางคนคุยโทรศัพท์มือถือที่ละนานๆ เป็นชั่วโมง …

สิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือต้องทราบไว้ก็คือ ถึงแม้การสื่อสารผ่านช่องทางนี้จะให้ความสะดวกและรวดเร็ว แต่ถ้าหากมีการใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันบ่อยๆ เป็นเวลานาน “คุณ” อาจะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่ออาการ “เสียงดังในหู” มากกว่าคนปกติถึงสองเท่า!!!

มีรายงานการวิจัยของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์เวียนนา ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในวารสารออกคิวเปชันนัล แอนด์ เอนไวเรนเมนทัล เมดิซิน โดยผลการวิจัยดังกล่าวได้ชี้ให้เห็นว่า การใช้โทรศัพท์มือถืออย่างน้อย 4 ปี เพิ่มความเสี่ยงอาการเสียงดังในหูถึงสองเท่า รบกวนการนอน การทำงาน และยังกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือด้วย

โดยผู้ที่มีอาการดังกล่าว 1 ใน 7 ต้องทรมานกับอาการที่รักษาไม่หายนี้ในบางช่วงของชีวิต การค้นหาสาเหตุเพิ่มเติมจึงอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้คนนับล้านทีใช้โทรศัพท์มือถือ

ในการวิจัยครั้งนี้นักวิจัยออสเตรเลียได้เปรียบเทียบการใช้โทรศัพท์มือถือของกลุ่มตัวอย่าง 100 คนที่เข้ารับการรักษาอาการเสียงดังในหู กับกลุ่มตัวอย่างอายุเท่ากันอีก 100 คนที่ไม่มีอาการดังกล่าว

กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดถูกสอบถามเกี่ยวกับประเภทโทรศัพท์ที่ใช้ สถานที่ที่ใช้ เนื่องจากสัญญาณออกของโทรศัพท์มือถือมีแนวโน้มแรงขึ้นในพื้นที่ชนบท นอกจากนี้นักวิจัยยังสอบถามเกี่ยวกับความถี่และระยะเวลาในการใช้โทรศัพท์ หูข้างที่ชอบใช้ และการใช้อุปกรณ์มือถือ

ซึ่งผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือก่อนมีอาการเสียงดังในหู มีแนวโน้มมีความผิดปกติดังกล่าวเพิ่มขึ้น37% ส่วนคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือเฉลี่ยวันละ 10 นาที มีแนวโน้มอาการเสียงดังในหูเพิ่มขึ้น 71%

นอกจากนี้ คนที่ใช้โทรศัพท์มือถือมานาน 4 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มอาการเสียงดังในหูเพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มเปรียบเทียบ ซึ่งอาการดังกล่าวเกิดจากการแพร่กระจายรังสีของโทรศัพท์มือถืออาจทำลายการทำงานอันละเอียดอ่อนของหูชั้นใน และยังเป็นไปได้ว่าแรงกดที่เกิดจากการกดโทรศัพท์กับหูและไหล่ระหว่างเดิน กระตุ้นให้เกิดอาการเสียงดังในหู ซึ่งอาการดังกล่าวนั้นอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ เช่น รบกวนสมาธิในการทำงาน ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับได้

ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีผลการวิจัยที่ชี้ชัดถึงวิธีการบำบัดอาการดังกล่าว แต่วิธีป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดอาการดังกล่าว คือการรักษาระดับความถี่ในการใช้โทรศัพท์มือถือให้มีความพอดี ไม่ควรคุยทีละนานๆ และคุยด้วยระดับเสียงที่ปกติ …

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

คติสอนใจ

คติสอนใจ วิธีคิดให้ประสบความสำเร็จของพ่อพระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
1. ขอบคุณข้าวทุกเม็ด น้ำทุกหยด อาหารทุกจานอย่างจริงใจ

2. อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใด นอกจาก “ปัญญา” และ “ความอุตสาหะ”
3. “เพื่อนใหม่” คือของขวัญที่ให้กับตัวเอง ส่วน “เพื่อนเก่า” “มิตร” คืออัญมณีที่นับวันจะเพิ่มคุณค่า
4. อ่านหนังสือธรรมะ ปีละเล่ม
5. ปฏิบัติต่อคนอื่นเช่นเดียวกับที่ต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อเรา
6. พูดคำว่า “ขอบคุณให้มาก”
7. รักษา “ความลับให้เป็น”
8. ประเมินคุณค่าของการให้ “อภัย” ให้สูง
9. ฟังให้มากแล้วจะได้คู่สนทนาที่ดี
10. ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง หากมีใครตำหนิ และรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นจริง
11. หากล้มลง จงอย่ากลัวกับการลุกขึ้นใหม่
12. เมื่อเผชิญหน้ากับงานหนักคิดเสมอว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลว
13. อย่าถกเถียงธุรกิจภายในลิฟต์
14. ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวก อย่าใช้เพื่อก่อหนี้สิน
15. อย่าหยิ่ง หากจะกล่าวว่า “ขอโทษ”
16. อย่าอายหากจะบอกใครว่า “ไม่รู้”
17. ระยะทางนับพันกิโลเมตร แน่นอนมันไม่ราบรื่นตลอดทาง
18. เมื่อไม่มีใครเกิดมาแล้ววิ่งได้ จึงควรทำสิ่งต่าง ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป
19. การประหยัดเป็นบ่อเกิดแห่งความร่ำรวย เป็นต้นทางแห่งความไม่ประมาท
20. คนไม่รักเงิน คือไม่รักชีวิต ไม่รักอนาคต
21. ยามทะเลาะกัน ผู้ที่เงียบคือผู้ที่มีการอบรมสั่งสอนที่ดี
22. ชีวิตนี้ฉันไม่เคยทำงานเลยสักวัน ทุกวันเป็นวันสนุกหมด
23. จงใช้จุดแข็ง อย่าเอาชนะจุดอ่อน
24. เป็นหน้าที่ของเราที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจ ไม่ใช้หน้าที่ของคนอื่นที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่เราพูด
25. เหรียญเดียวมี 2 หน้า ความสำเร็จกับความล้มเหลว
26. อย่าตามใจตนเอง เรื่องยุ่ง ๆ เกิดขึ้นล้วนตามใจตัวเองทั้งสิ้น
27. ฟันร่วงเพราะมันแข็ง ส่วนลิ้นยังอยู่เพราะมันอ่อน
28. อย่าดึงต้นกล้าให้มันโตไว ๆ (อย่าใจร้อน)
29. ระลึกถึงความตายวันละครั้ง ชีวิตจะมีความสุข มีอภัย มีให้
30. ทุกชิ้นงานจะต้องกำหนดวันเวลาแล้วเสร็จ
31. จงเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดชีวิต เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอด
32. ดาวและเดือนที่อยู่สูงอยากได้ก็ต้องปีน “บันไดสูง” ที่สำคัญในการดำเนินชีวิต
33. มนุษย์ทุกคนมีชิ้นงานมากมายในชีวิต จงทำชิ้นงานที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ
34. หนังสือเป็นศูนย์รวมปัญญาของโลก จงอ่านหนังสือเดือนละเล่ม
35. ระเบียบวินัย คือ คุณสมบัติที่สำคัญในการดำเนินชีวิต

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

เป้าหมายของชีวิต

โดยธรรมชาติแล้ว
ชีวิตย่อมมีเป้าหมายของชีวิตอยู่เอง
ครั้นเมื่อมนุษย์ช่างคิด ช่างฝัน
เขาจึงได้รังสรรค์เป้าหมายขึ้นใหม่
แล้วยอมเป็นทาสของเป้าหมายนั้นโดยดุษฏี

เป้าหมายของชีวิตที่มนุษย์คิดขึ้นนั้น
ไม่อาจนำมาซึ่งความเกษมสำราญที่แท้จริงทั้
งยังอาจเป็นเหตุแห่งความทุกข์ยากไม่รู้จบสิ้น

เป้าหมายของการกระทำนั้นต้องมีอยู่
แต่ต้องไม่งมงายยึดมั่นเกินไป
เพราะความงมงายยึดมั่นเกินไป
ทำลายความสดชื่นมั่นคงในการดำเนินชีวิต

ดำรงจิตใจให้มั่นคง เริงรื่น ชื่นบาน
และเกษมสำราญกับการช่วยเหลือสรรพชีวิตเถิด
ชีวิตเฉพาะหน้าเช่นนั้น นั่นเอง
ที่ดำรงอยู่แล้วในเป้าหมายของชีวิตที่แท้

"จงเป็นในสิ่งที่ต้องเป็นให้เป็นสุข
อย่าพยายามเป็นให้เป็นทุกข์
ในสิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็น"

น้ำแข็งที่อาร์คติคบางลงทุกปี



พื้นที่ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งที่มหาสมุทรอาร์คติคจะถึงจุดต่ำสุดในเดือนกันยายนนี้ นักพยากรณ์ระบุว่าคงจะไม่ต่ำเท่าปี 2007 อันเป็นปีที่มหาสมุทรนี้มีน้ำแข็งปกคลุมเป็นบริเวณแคบที่สุดเท่าที่มีการเก็บข้อมูลทางดาวเทียมมา อย่างไรก็ตาม นักฟิสิกส์ที่สถาบันอัลเฟรดเวเจเนอร์กลับรู้สึกกังวลเรื่องความสมดุลในระยะยาวของมหาสมุทรแห่งนี้

นักวิจัยระบุว่ามวลของน้ำแข็งกำลังลดลงลงเนื่องจากความหนาของมันลดลงนั่นเอง ทีมวิจัยได้สาธิตด้วยการวัดความหนาของแผ่นน้ำแข็งที่บริเวณตอนเหนือและตะวันออกของเกาะกรีนแลนด์โดยใช้เครื่องบินวิจัยโพลาร์-5 ที่ใช้เวลาบินสำรวจราวๆ 1 สัปดาห์เพื่อหาพื้นที่น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกนี้

คำถามที่ว่าอีกนานแค่ไหนที่มหาสมุทรอาร์คติคไม่มีน้ำแข็งเลยในช่วงซัมเมอร์นั้นเป็นคำถามที่คาใจศาสตราจารย์ ดร.รูดิเจอร์ เกอร์เดส จากสถาบันอัลเฟรดเวเจเนอร์มาเป็นเวลานานแล้ว โดยตอนนี้ ได้มีดาวเทียมสำรวจพื้นที่ที่น้ำแข็งปกคลุมขั้วโลกเนหนือมา 30 ปีแล้ว ทำให้ศาสตราจารย์ต้องเก็บข้อมูลเพิ่มเร่องความหนานี้

อย่างไรก็ตาม ความหนาก็คงจะบอกอะไรได้แค่ในวงแคบๆ ศาสตราจารย์จึงต้องใช้วิธีพิเศษในการพยากรณ์ด้วยโมเดลทางคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นมา จนได้ข้อมูลเบื้องต้นแล้ว

"ผมอยากจะเห็นข้อมูลการวัดความหนาของน้ำแข็งทะเลมานานแล้ว เพียงแค่ผมรู้ข้อมูลความหนาไปในหลายๆพื้นที่แล้ว เราก็อาจจะคำนวณได้ว่า น้ำที่จะมาจากน้ำแข็งขั้วโลกทั้งหมดนี้จะมีปริมาณเท่าไหร่"

พื้นที่น้ำแข็งที่มหาสมุทรอาร์คติคนี้ว่ากันว่ามีปริมาณน้ำแข็ง 2.7 ล้านล้าานตัน แต่มีการพังทลายลงไปราวๆ 3000 ลูกบาศก์กิโลเมตรทุกๆปี แต่นอกจากจะพังทลายและละลายเป็นน้ำลงสู่มหาสมุทรแล้ว นักวิจัยก็ได้ค้นพบว่าน้ำแข็งนั้นบางลงทุกๆปี และเป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว

แปลจาก: http://www.sciencedaily.com/releases/2010/08/100820101356.htm