
พื้นที่ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งที่มหาสมุทรอาร์คติคจะถึงจุดต่ำสุดในเดือนกันยายนนี้ นักพยากรณ์ระบุว่าคงจะไม่ต่ำเท่าปี 2007 อันเป็นปีที่มหาสมุทรนี้มีน้ำแข็งปกคลุมเป็นบริเวณแคบที่สุดเท่าที่มีการเก็บข้อมูลทางดาวเทียมมา อย่างไรก็ตาม นักฟิสิกส์ที่สถาบันอัลเฟรดเวเจเนอร์กลับรู้สึกกังวลเรื่องความสมดุลในระยะยาวของมหาสมุทรแห่งนี้
นักวิจัยระบุว่ามวลของน้ำแข็งกำลังลดลงลงเนื่องจากความหนาของมันลดลงนั่นเอง ทีมวิจัยได้สาธิตด้วยการวัดความหนาของแผ่นน้ำแข็งที่บริเวณตอนเหนือและตะวันออกของเกาะกรีนแลนด์โดยใช้เครื่องบินวิจัยโพลาร์-5 ที่ใช้เวลาบินสำรวจราวๆ 1 สัปดาห์เพื่อหาพื้นที่น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกนี้
คำถามที่ว่าอีกนานแค่ไหนที่มหาสมุทรอาร์คติคไม่มีน้ำแข็งเลยในช่วงซัมเมอร์นั้นเป็นคำถามที่คาใจศาสตราจารย์ ดร.รูดิเจอร์ เกอร์เดส จากสถาบันอัลเฟรดเวเจเนอร์มาเป็นเวลานานแล้ว โดยตอนนี้ ได้มีดาวเทียมสำรวจพื้นที่ที่น้ำแข็งปกคลุมขั้วโลกเนหนือมา 30 ปีแล้ว ทำให้ศาสตราจารย์ต้องเก็บข้อมูลเพิ่มเร่องความหนานี้
อย่างไรก็ตาม ความหนาก็คงจะบอกอะไรได้แค่ในวงแคบๆ ศาสตราจารย์จึงต้องใช้วิธีพิเศษในการพยากรณ์ด้วยโมเดลทางคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นมา จนได้ข้อมูลเบื้องต้นแล้ว
"ผมอยากจะเห็นข้อมูลการวัดความหนาของน้ำแข็งทะเลมานานแล้ว เพียงแค่ผมรู้ข้อมูลความหนาไปในหลายๆพื้นที่แล้ว เราก็อาจจะคำนวณได้ว่า น้ำที่จะมาจากน้ำแข็งขั้วโลกทั้งหมดนี้จะมีปริมาณเท่าไหร่"
พื้นที่น้ำแข็งที่มหาสมุทรอาร์คติคนี้ว่ากันว่ามีปริมาณน้ำแข็ง 2.7 ล้านล้าานตัน แต่มีการพังทลายลงไปราวๆ 3000 ลูกบาศก์กิโลเมตรทุกๆปี แต่นอกจากจะพังทลายและละลายเป็นน้ำลงสู่มหาสมุทรแล้ว นักวิจัยก็ได้ค้นพบว่าน้ำแข็งนั้นบางลงทุกๆปี และเป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว
แปลจาก: http://www.sciencedaily.com/releases/2010/08/100820101356.htm
นักวิจัยระบุว่ามวลของน้ำแข็งกำลังลดลงลงเนื่องจากความหนาของมันลดลงนั่นเอง ทีมวิจัยได้สาธิตด้วยการวัดความหนาของแผ่นน้ำแข็งที่บริเวณตอนเหนือและตะวันออกของเกาะกรีนแลนด์โดยใช้เครื่องบินวิจัยโพลาร์-5 ที่ใช้เวลาบินสำรวจราวๆ 1 สัปดาห์เพื่อหาพื้นที่น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกนี้
คำถามที่ว่าอีกนานแค่ไหนที่มหาสมุทรอาร์คติคไม่มีน้ำแข็งเลยในช่วงซัมเมอร์นั้นเป็นคำถามที่คาใจศาสตราจารย์ ดร.รูดิเจอร์ เกอร์เดส จากสถาบันอัลเฟรดเวเจเนอร์มาเป็นเวลานานแล้ว โดยตอนนี้ ได้มีดาวเทียมสำรวจพื้นที่ที่น้ำแข็งปกคลุมขั้วโลกเนหนือมา 30 ปีแล้ว ทำให้ศาสตราจารย์ต้องเก็บข้อมูลเพิ่มเร่องความหนานี้
อย่างไรก็ตาม ความหนาก็คงจะบอกอะไรได้แค่ในวงแคบๆ ศาสตราจารย์จึงต้องใช้วิธีพิเศษในการพยากรณ์ด้วยโมเดลทางคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นมา จนได้ข้อมูลเบื้องต้นแล้ว
"ผมอยากจะเห็นข้อมูลการวัดความหนาของน้ำแข็งทะเลมานานแล้ว เพียงแค่ผมรู้ข้อมูลความหนาไปในหลายๆพื้นที่แล้ว เราก็อาจจะคำนวณได้ว่า น้ำที่จะมาจากน้ำแข็งขั้วโลกทั้งหมดนี้จะมีปริมาณเท่าไหร่"
พื้นที่น้ำแข็งที่มหาสมุทรอาร์คติคนี้ว่ากันว่ามีปริมาณน้ำแข็ง 2.7 ล้านล้าานตัน แต่มีการพังทลายลงไปราวๆ 3000 ลูกบาศก์กิโลเมตรทุกๆปี แต่นอกจากจะพังทลายและละลายเป็นน้ำลงสู่มหาสมุทรแล้ว นักวิจัยก็ได้ค้นพบว่าน้ำแข็งนั้นบางลงทุกๆปี และเป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว
แปลจาก: http://www.sciencedaily.com/releases/2010/08/100820101356.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น